Eurax

ศูนย์รวมความรู้ด้านอีคอมเมิร์ซ e-Commerce บอกเล่าเรื่องราวการทำอีคอมเมิร์ซ และการรวบรวมความรู้ ตัวอย่าง ของเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ประสบความสำเร็จ ความรู้ สารพัดสารพัน เรื่องการค้าออนไลน์ เริ่มต้นตั้งแต่ศูนย์ สำหรับผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซ ขอเพียงตั้งใจจริง ทุกสิ่งก็สำเร็จได้อย่างงดงาม

กระทรวงพาณิชย์ สั่งขึ้นทะเบียน "อี - คอมเมิร์ซ"

หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ, วันที่ 18 เมษายน 2546


กระทรวงพาณิชย์ขอคุม 5 หมื่นกว่าล้านในตลาด e-Commerce เดินเครื่องเต็มสูบดันเข้าระบบธุรกิจโปร่งใส และคุ้มครองผู้บริโภค กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจต้องขึ้นทะเบียนภายใน 17 พ.ค.นี้ หวังกระตุ้นเศรษฐกิจและผู้ประกอบการ SME รายใหม่เผย 10 ธุรกิจออนไลน์ยอดนิยม แค่ธุรกิจอาหารไทยฟันปีละ 2-3 หมื่นล้าน ก้าวต่อไปสร้างคุณภาพสัญลักษณ์ Trust mark คาดอีก 2 เดือนได้เห็น

วันนี้ รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government) กำลังเกิดความชัดเจนขึ้นตามลำดับ สอดคล้องกับแนวทางของ e-ASEAN และ e-Thailand โดยเฉพาะธุรกิจที่ทำผ่านระบบออนไลน์ ในการจัดซื้อจัดจ้าง (e-Procurement) และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์(e-Commerce)

การดีเดย์ของกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในประกาศฉบับล่าสุดระบุให้ ผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ที่มีสถานประกอบการตั้งอยู่ในประเทศไทยต้องยื่นจดทะเบียนพาณิชย์ โดยมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2546เป็นต้นไป

มีคำถามเกิดขึ้นทันทีว่าสภาพการณ์ปัจจุบัน รูปแบบธุรกิจ-ธุรกรรมเช่นนี้มีความพร้อมเพียงใดสำหรับการทำธุรกิจของไทย กับภาวะปัจจุบันและอนาคต!!! รวมถึงมูลค่าตลาดรวมของธุรกิจนี้ใหญ่โตหรือน่าลิ้มลองเพียงใด??? ทั้งหมดล้วน เป็นโจทย์ที่ต้องค้นหา


ธุรกิจ e-Commerce ปีนี้โตห้าหมื่นล้าน
อรจิต สิงคาลวณิช อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยกับ"ผู้จัดการรายสัปดาห์"ว่า มูลค่ารวมของตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ จากการสำรวจของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) พบว่ามีประมาณห้าหมื่นกว่าล้านบาทต่อปี

"จากรายงานของบริษัทอินฟอร์เมชั่นดาต้า เซ็นเตอร์ ได้คาดการณ์ว่า ในปี 2546 ไทยจะมีมูลค่าของตลาด e-Commerce ในราว 50,920 ล้านบาทในปี 2546 และขณะนี้ NECTEC ได้ร่วมกับทางสำนักงานสถิติแห่งชาติ กำลังทำสำมะโนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วประเทศ และผู้ที่ประกอบธุรกิจด้าน e-Commerce โดยตรงว่าปัจจุบันมีจำนวนเท่าไร ที่ชัดเจนอีกครั้ง"

จากการสำรวจล่าสุด เมื่อปี 2544 มีผู้ประกอบการรวมทั้งสิ้น 6,460 เว็บไซด์ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการทำ Website 10 อันดับแรก ได้แก่ การท่องเที่ยว คอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ต เครื่องนุ่งห่มและเครื่องสำอาง ขายดอกไม้ หัตถกรรม ค้าปลีก/ค้าส่ง เครื่องประดับ บันเทิง ร้านอาหาร และสิ่งพิมพ์

ทั้งนี้ สามารถแบ่งระดับการทำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ได้ 2 ระดับ คือ

1.พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ขั้นเริ่มต้น คือ Website เพื่อการโฆษณา ประชาสัมพันธ์เพียงอย่างเดียว โดยยังไม่มีการค้าขาย หรือชำระเงิน เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูล และทดลองความนิยมของ Website และสินค้า พิจารณาจากจำนวนผู้ที่เข้าชม เช่น การท่องเที่ยว คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เนต บันเทิง อาหารและยา การเงิน และสิ่งพิมพ์ ซึ่งมีประมาณ ร้อยละ 88.58

2.พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ขั้นก้าวหน้า คือ Website ที่มีระบบการสั่งซื้อ/สั่งจอง การชำระเงิน การขนส่งสินค้า การรักษาความปลอดภัย และระบบการติดตามสินค้า เช่น การท่องเที่ยว คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต เครื่องนุ่งห่มและเครื่องสำอาง ขายดอกไม่ หัตถกรรม ค้าปลีก/ค้าส่ง เครื่องประดับ บันเทิง ร้านอาหาร และสิ่งพิมพ์ ซึ่งมีประมาณ ร้อยละ 11.42 ที่สำคัญจะเป็นการส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อย(SME)และกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศอีกรูปแบบหนึ่ง

"ปัจจุบันร้านค้าอาหารไทย ที่ใช้ชื่อว่า "Food Market Thai Exchange.com " ซึ่งเป็นของบริษัทไทยยูเนี่ยนฟู้ด ระบุว่า มียอดจำหน่ายสินค้าผ่านทาง Website ต่อปีถึง 20,000-30,000 ล้านบาท" แหล่งข่าวระบุ


จดทะเบียนก่อน 17 พ.ค. http://www.thairegistration.com/thai/e-commerce/register.phtml
อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่าประกาศกระทรวงฯกำหนดให้ผู้ที่ทำธุรกิจ e-Commerce ทุกรายทั้งบุคคลธรรมดาและ นิติบุคคลจะต้องจดทะเบียน ภายในวันที่ 17 พ.ค.นี้ จุดประสงค์ ไม่ใช่ต้องการเข้าไปดูแลหรือควบคุมการทำธุรกิจด้านนี้ แต่ต้องการส่งเสริมและให้เกิดความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค/ประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นต่อการทำธุรกิจรูปแบบนี้ในปัจจุบันและอนาคตน

"จะเป็นผลดียิ่งต่อผู้ทำธุรกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะมีใบทะเบียนพาณิชย์ หรือระบุเลขทะเบียนพาณิชย์ไว้บน Website (Home Page) ด้วย นอกจากนี้ ยังสามารถควบคุมผู้ประกอบการ Website ที่ไม่ถูกต้องในลักษณะต่างๆ เช่น การละเมิดลิขสิทธิ์ และ Website ประเภทอนาจาร"

นอกจากนี้ จะเป็นศูนย์กลางข้อมูลพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้แก่ผู้ประกอบการและผู้บริโภค โดยจัดทำเป็น e-Directory ได้รับสิทธิพิเศษในการสนับสนุนด้านการตลาด เช่น การเข้าร่วมโครงการ e-marketplace ได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ เช่น การเข้าร่วมการอบรมสัมมนาที่กรมจะจัดขึ้น การได้รับคำแนะนำและการรับข้อมูลข่าวสารของกรม และในส่วนของกรมฯ ก็จะบรรจุและพัฒนาสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ตามนโยบายของรัฐบาลควบคู่ไปด้วย


แจงขั้นตอนจดทะเบียน
สำหรับขั้นตอนผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ยังไม่ได้จดทะเบียนพาณิชย์ กรณีเป็นประกอบการอยู่ก่อน 17 พ.ค.ให้ยื่นขอจดทะเบียนแล้วเสร็จ ภายในวันที่ 16 มิ.ย. โดยยื่นขอจดทะเบียนตั้งแต่ 17 พ.ค.เป็นต้นไป

กรณีเริ่มประกอบการใหม่ ตั้งแต่ 17 พ.ค.นี้ ให้ยื่นขอจดทะเบียนให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันเริ่มประกอบการใหม่ เสียค่าธรรมเนียมเพียงรายละ 50 บาท หรือผู้ที่จดทะเบียนพาณิชย์อยู่แล้ว ก่อน17 พ.ค.ให้แจ้งนายทะเบียนทราบ โดยแจ้งต่อสำนักงานทะเบียนพาณิชย์ที่ยื่นจดไว้ ต่างจังหวัดให้แจ้งต่อสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดนั้นๆ ภายใน 16 มิ.ย.นี้ พร้อมสำเนาใบทะเบียนพาณิชย์ เพื่อนายทะเบียนจะได้ดำเนินการ ตรวจสอบว่าได้จดทะเบียนพาณิชย์โดยถูกต้องแล้ว

"การจดทะเบียนพาณิชย์จะมีลักษณะคล้ายกับป้ายทะเบียนรถยนต์ ให้รู้ว่ามีตัวตนและสร้างความมั่นใจต่อผู้บริโภค แต่เป็นคนละประเด็นกับการโกง เพราะเมื่อจดทะเบียนก็ยังเกิดการโกงได้ ซึ่งจะสามารถตรวจสอบแหล่งต้นตอได้ง่าย ทางกรมฯ ต้องการรู้ว่าผู้ประกอบธุรกิจด้านมีประเภทใด ตั้งอยู่ที่ไหนเพื่อรวบรวมเป็นข้อมูล ให้ผู้บริการและผู้บริโภค"

สำหรับบทลงโทษผู้ประกอบการที่ไม่ยื่นจดทะเบียนตาม พ.ร.บ.ทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ.2499 มาตรา 19 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท และปรับอีกวันละไม่เกินหนึ่งร้อยบาทจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง


สร้างมาตรฐานเชลล์อีคอมฯ
แนวทางการพัฒนา e-Commerce ได้รับการเปิดเผยต่อไปว่า ทางกรมฯเตรียมจะสร้างสัญลักษณ์ในลักษณะมาตรฐานคุณภาพสินค้า (Trust mark) ในระยะต่อไป คล้ายการการันตีว่า เป็นสินค้าที่มีคุณภาพอยู่ในระดับที่ดี ซึ่งผ่านการรับรองจากกระทรวงพาณิชย์แล้วในระดับหนึ่ง คล้ายกับสัญลักษณ์ "เชลล์ชวนชิม" บ่งชี้ว่าร้านอาหารนี้มีรสชาติดี อร่อยและถูกหลักอนามัย

โดยขณะนี้ทางกรมฯ กำลังดำเนินการใน 2 ลักษณะควบคู่ในการสร้าง Trust mark ดังกล่าวคือ การตั้งคณะกรรมการขึ้นมากำหนดหลักเกณฑ์ของผู้ประกอบธุรกิจที่เข้าข่าย เช่น ได้รับการการันตีจากธนาคารด้านระบบจ่ายเงิน ระบบขนส่งดี และการประกันคุณภาพสินค้า ฯลฯ และการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาคุณภาพสมบัติของคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ อีกต่อหนึ่ง คาดว่าจะมีผลใช้ได้จริงอีก 2 เดือนจากนี้

ในระบบการตรวจสอบก็จะมีคณะทำงานที่พิจารณาว่า เมื่อผู้ประกอบธุรกิจนี้ได้รับTrust mark ไปแล้วยังรักษาคุณภาพและคุณสมบัติที่ดีในการให้บริการต่อผู้บริโภคหรือไม่ หากไม่เป็นไปตามบรรทัดฐานที่ทางกรมฯ กำหนดจะต้องถูกถอนใบอนุญาต และริบตราสัญลักษณ์คืน และอาจจะตกเป็นหนึ่งในแบล็คลิสต์(บัญชีดำ)ของกรมฯ ที่ถูกจับจ้องเป็นพิเศษด้วย

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑